หรือแม้กระทั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของเราเอง ที่มีการพัฒนาให้ฉลาดและอำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้มากขึ้น แนวคิด IoT ที่ย่อมาจาก Internet of Things จึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้อุปกรณ์รอบตัวของเรานั้น สามารถทำงานเชื่อมต่อและควบคุมได้อย่างอัจฉริยะ เสมือนว่าอุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อและพูดคุยกันเอง ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของเราสะดปัจจุบันจะเห็นได้ว่าอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เริ่มเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตมากขึ้น โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนที่พัฒนามาให้เป็นเหมือนศูนย์กลางการควบคุมหรือสั่งการอุปกรณ์อื่นๆ ให้ทำงานได้ตามที่เราต้องการ เพียงแค่กดหรือแตะด้วยปลายนิ้วง่ายๆ ลองชมตัวอย่างอุปกรณ์ผู้นำด้านเทคโนโลยีวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น
แบ่งกลุ่ม Internet of Things
ปัจจุบันมีการแบ่งกลุ่ม Internet of Things ออกตามตลาดการใช้งานเป็น 2 กลุ่มได้แก่
Industrial IoT คือ แบ่งจาก local network ที่มีหลายเทคโนโลยีที่แตกต่างกันในโครงข่าย Sensor nodes โดยตัวอุปกรณ์ IoT Device ในกลุ่มนี้จะเชื่อมต่อแบบ IP network เพื่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ต
Commercial IoT คือ แบ่งจาก local communication ที่เป็น Bluetooth หรือ Ethernet (wired or wireless) โดยตัวอุปกรณ์ IoT Device ในกลุ่มนี้จะสื่อสารภายในกลุ่ม Sensor nodes เดียวกันเท่านั้นหรือเป็นแบบ local devices เพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้เชื่อมสู่อินเตอร์เน็ต
ถ้าถามว่า Big Data คงต้องบอกว่า คือ Data ทุกอย่างที่มีอยู่ในบริษัทของคุณ ไล่ตั้งแต่ข้อมูลบริษัท ที่ไม่ว่าจะเก็บอยู่ในรูปแบบไหน ไปจนถึง URLs ที่คุณ Bookmarks เอาไว้ นั้นก็ Big Data ถ้าจะบอกว่า Big Data is all around ก็คงไม่ผิดนัก เพราะมันไม่ได้จำแนกแจกจ่ายว่าต้องเป็นข้อมูลผ่านการวิเคราะห์มาแล้วหรือไม่ คือขอแค่เป็นข้อมูล ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน ประเภทอะไร ก็นับว่าเป็น Big Data ทั้งนั้น
ดังนั้นเราจึงกล่าวได้ว่า Big Data ก็คือข้อมูลทุกอย่างที่เรามีอยู่ในบริษัท ทั้งข้อมูลที่มีแหล่งที่มาจากภายในบริษัทเองและข้อมูลที่มาจากแหล่งที่มาภายนอกอย่าง Social mediasซึ่งทั้งหมดเป็นข้อมูลที่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้หรือก็คือข้อมูลดิบนั้นเองทั้งนี้ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ด้วยวิธีการหลากหลายวิธีการขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้งานด้านไหนในปัจจุบันนิยมทำ Big Data Analysis เพื่อใช้ในการสำหรับการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตหรือก็คือเพื่อใช้ดูแนวโน้มสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นเอง